Saturday, October 3, 2015



I had seen a pouch of black-eye pea in a pantry, my husband have it very long time. I just thought how to cook it because I never seen this kind of pea in Thailand before. Maybe I could find some recipes on the internet. Then I got more than expected. I started to soak it all and left it overnight.I intended to make it for lunch in the next day. In the next morning, it was boiled in a large pot, adding one teaspoon salt; it took about an hour at the medium-high heat then soaking in cold water and move to a colander bowl. The recipe I got needs some ingredients that I do not have so I had to modify the recipe by using what I have in the pantry and see how the taste would be. I named it Sweet & Sour Chicken Black-Eyed Pea


Ingredients:

8 Ounce Boiled black-eye peas
2 Boneless, skinless chicken breasts (About 1/2 pound)                 
½ Onion, sliced lengthwise.
2 Cloves    Garlic, chopped
½ Cup  Tomato ketchup (8 ounce) mixes with ½ Cup Sweet chili sauce
1 Tbsp Vegetable oil
1 Tbsp Kikkoman soy sauce
1 Tsp Ground black pepper; grinded
2 Tbsp Green onion; cut into small pieces
3 Baby carrots; diced or sliced)
Cooked Spaghetti (as you like) 


Make it:

  • Rinse chicken and fermented with Kikkoman sauce, vegetable oil and ground pepper left it at least ten minutes
  • Heat oil in a 10-inch skillet over medium-high heat.
  • Browned chicken with onion and garlic.
  • Add peas, baby carrots and green onions then stir for a minute.
  • Add tomato ketchup mix with sweet chili sauce, water or vegetable soup or chicken broth.
  • Cover and simmer 7-10 minutes then topped on Spaghetti serve for two.

Tuesday, September 1, 2015


ผิวอ่อนเยาว์ได้เสมอ

3500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช มีหลักฐานว่าพวกผู้หญิงทาโลชั่นบนผิวของพวกเธอ ด้วยหวังว่าจะช่วยชะลอความแก่ชรา ในยุคปัจจุบัน โฆษณาในช่วง Prime time ของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare Products) เจริญเติบโตหลายพันล้านดอลลาร์ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ความคิดในการใช้อาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวพรรณเป็นแนวคิดที่แปลก ส่วนใหญ่เราจะรู้โดยสัญชาตญาณว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปจะมีผลกระทบบางอย่างกับผิวของเรา
เว้นแต่ถ้ามีอาการแพ้ทันที ผลลัพธ์เป็นเรื่องยากที่จะชี้ให้ชัดเจน
โชคดีที่ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สาขาวิชาเคมีได้ค้นพบการยึดเหนี่ยวของโมเลกุลที่เล็กมากที่มีผลต่อการดูดซึมของสารอาหาร  วงการแพทย์ภายในมีการสอบสาวกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมของลำไส้ของเรา
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้จัดให้ฟอรั่มทั่วโลกแบ่งปันการค้นพบนี้และการพัฒนาของการค้าทั่วโลกได้ทำสิ่งใหม่และส่วนประกอบที่น่าตื่นตาให้บริการแก่สาธารณะ การเพิ่มขึ้นของการพัฒนางานวิจัย ฉันทามติกำลังเติบโตในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ทันสมัย ในความเป็นจริงอาจจะมีประสิทธิภาพต่อสุขภาพผิวมากกว่าการทาโลชั่น

ระยะสั้นเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับในระยะยาว
ขณะที่โลชั่นและเซรั่ม จะเห็นผลอย่างรวดเร็วที่สังเกตได้ ปัญหาพื้นฐานยังคงมีอยู่เมื่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกนำไปใช้กับผิวหน้าของผิวหนัง งานหลักของผิวหนังคือการปกป้องเราจากโลกภายนอก - ส่วนใหญ่มาจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่มีขนาดเล็กมาก ดังนั้นผิวจึงได้มีการพัฒนาให้มี “แบรีเออร์” บาง ๆ ที่เรียกว่า “หนังกำพร้า” ที่เกือบเป็นไปไม่ได้ที่แทรกซึม แม้โดยโมเลกุลที่เล็กที่สุด แม้ว่าโลชั่นทาเฉพาะที่จะสามารถช่วยให้ผิวเรียบและชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว นั่นเพียงประโยชน์ผิวเผิน โลชั่นไม่สามารถที่แทรกซึมลงไปในระดับลึกของผิว และเมื่อถูกชะล้างออกประโยชน์ก็จะระเหยไป
วิธีเดียวที่จะให้สุขภาพผิวเติบโตอย่างแท้จริง คือการปกป้องผิวหนังชั้นนอกโดยการกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ฟังดูแปลกๆ!  ในทางการแพทย์เราคิดถึง ปาก กระเพาะอาหาร และลำไส้ เป็นภายนอกของร่างกาย ระบบทางเดินอาหารของเรานั้นเป็นท่อกลวงอยู่ตรงกลางของลำตัว “แบรี่เออร์ภายนอก" ของมันแตกต่างจาก “แบรี่เออร์ผิว” ที่ถูกออกแบบมาให้บอบบางเพื่อยอมให้สารอาหารผ่านและกักผู้บุกรุกแปลกปลอมไว้ ซึ่งได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย และไวรัส
เพราะว่าขั้นตอนการกรองนี้มีความซับซ้อนมากกว่า นักวิทยาศาสตร์จึงได้ค้นพบวิธีที่จะทำให้อาหารเสริมผ่านเข้าไปในร่างกายของเรา โดยใส่ผ่านกระบวนการเอนไซม์ธรรมชาติที่เรียกว่า "hydrolyzation" ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้ ตัวอย่างเช่น โมเลกุลขนาดใหญ่อย่างโปรตีนคอลลาเจน ซึ่งในรูปแบบธรรมชาติของมันมีขนาดใหญ่เกินไปที่จะผ่านลำไส้ได้

ในปี 1950 ยังไม่มีอาหารเสริมชนิดตัวนี้ เพราะยาภายในยังอยู่ในวัยแรกเกิด  ในปัจจุบัน การศึกษาเกี่ยวกับการดูดซึม มีกำลังถูกตีพิมพ์ ที่ระเบียนตัวอย่าง เพราะในที่สุดเราก็คิดออกว่าทำอย่างไรให้อาหารเสริมผ่าน “แบรี่เออร์ย่อยอาหาร”  เข้าสู่ร่างกายของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิทยาศาสตร์สามารถตามรอยอาหารเสริมเหล่านี้เพื่อดูว่าเผื่อมันจะมีประโยชน์กับผิว

"ตัดขาดทีละน้อย"
เราอาศัยอยู่ในสังคม วิดีโอแปดวินาที และการรายงานข่าวแบบชั่วพริบตาบนทวิตเตอร์ ถ้าเราไม่ชอบบางอย่างเราก็เปลี่ยนช่องทันที หรือคลิกอีกเว็บไซต์หนึ่ง แม้ความนิยมการกินอาหาร "ลดน้ำหนักเร็ว" เป็นที่ชื่นชอบกว่าการเปลี่ยนแปลงวิถีการบริโภคที่มั่นคงยั่งยืน ปัญหานี้มีอยู่สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเช่นกัน แม้ว่าโลชั่นทาเฉพาะที่ ให้ประโยชน์อย่างน้อยที่สุดเราก็สามารถสังเกตเห็นผลทันทีถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ตรงกันข้ามกับการกินอาหารเสริมคอลลาเจนที่อาจใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าจะเห็นผล
ลองคิดถึงแผลที่ถูกบาด ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการรักษา สองสามสัปดาห์? การสร้างเนื้อเยื่อใหม่ก็เหมือนกับผิวต้องใช้เวลา การเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในผิวในแต่ละวันปกติจะเห็นได้ไม่ชัดเจนนักเพราะเราเห็นตัวเองในกระจกทุกวัน เราไม่สามารถมองเห็น ความแตกต่างในผิวของเราช่วง 08:00-10:00 ในวันเดียวกัน แต่การเปลี่ยนแปลงของผิวตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือน ถึงวันที่ 30 จะเห็นได้อย่างชัดเจน!
มันเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มักจะทำให้เกิดการตัดการขาด แต่ วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าหลังจาก 30 วัน ริ้วรอยอาจจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่เราจะมีความอดทนที่จะยอมให้ร่างกายของเราสร้างขึ้นเองใหม่ (โดยไม่พึ่งพาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม)..... เราอาจจะไม่มีวันเห็นผลเลย....


หนุ่มสาวตลอดกาล
“เมื่อมีขึ้น ก็ย่อมมีลง” เพื่อขยายความคิดนี้ - อัตราการขึ้นจะเป็นตัวกำหนดอัตราการลง ถ้าโยนลูกบอลไปในอากาศและมันจะไปด้วยความเร็วเท่ากับที่คุณโยนมันออกไป ในทำนองเดียวกัน โลชั่นอาจให้ผลทันทีที่ใช้แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว อาหารเสริมคอลลาเจนอาจค่อยๆ สร้าง แต่ผลประโยชน์ที่แท้จริงกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ! ผิวของคุณก็จะไม่เหี่ยวเฉาทันทีทันใดแม้ว่าคุณอาจลืมที่จะกิน NeoCell Collagen ของคุณในเช้าวันหนึ่ง เพราะร่างกายของคุณได้รับการสร้างผิวอ่อนเยาว์มากขึ้นมาเป็นแรมเดือน ... และผลประโยชน์เหล่านั้นอยู่กับคุณตราบนานเท่านาน
เพื่อให้ได้ผิวอ่อนเยาว์ตลอดกาล อาหารเสริมเป็นวิธีเดียวที่จะไปถึง อย่างก็ตาม โลชั่นบำรุงผิวประจำวันก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญของความงามของคุณ แต่ลำดับความสำคัญของคุณควรเริ่มต้นด้วย NeoCell Collagen เพื่อให้คุณสามารถสร้างความงามของคุณจากภายในสู่ภายนอก!!



Friday, August 28, 2015


ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ อัตราการเกิดโรค Celiac Disease  ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ประชากร ประมาณ 7% ที่มีความไวต่อ Gluten (กลูเทน) ได้รับผลกระทบ   โปรตีนกลูเทนที่พบในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์ จึงเป็นอันดับต้นที่เป็นปัญหารุนแรงเกี่ยวกับอาหารในสหรัฐอเมริกา

Gluten (กลูเทน) คืออะไร?
          Gluten  คือ Composite Protein ซึ่งประกอบด้วย Gliadin และ Glutenin พบมากที่สุดในข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์ นอกจากนี้ยังมีอยู่ใน ข้าว ข้าวโพด ข้าวโอ๊ตบางชนิด แต่ข้าวโอ๊ตบางชนิดก็ไม่มี Gluten และไม่ก่อให้เกิดปัญหาในผู้ที่มีความไวต่อ Gluten ด้วย

Celiac Disease คืออะไร
          Celiac Disease คือ การแพ้ Gluten ซึ่งทำให้เกิดการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ ซึ่งเป็นความผิดปกติที่ค่อนข้างพบยาก อาการของโรค Celiac Disease  อาจรวมถึงอาการต่อไปนี้
  •    ท้องเสียเรื้อรัง
  •    ท้องอืดและปวดท้อง
  •    เคลือบฟันแท้บกพร่อง
  •     อาเจียน
  •    การระคายเคือง
  •    อาการท้องผูก
  •    น้ำหนักลด
  •     ซีด, อุจจาระมีกลิ่นเหม็น หรือ เป็นมัน
ถ้าเกิดกับเด็ก อาจพบอาการเหล่านี้เพิ่มขึ้น:
  •    สมาธิสั้น (ADHD)
  •    มีปัญหาด้านพฤติกรรม
  •    ล้มเหลวในการเจริญเติบโต
  •    โตและเข้าสู่วัยแรกรุ่นช้า
  •    ตัวเตี้ย
          คนที่มีความไวต่อ Gluten (Gluten sensitivity)   จะมีอาการบางอย่างเหมือนกันนี้ แต่แทบจะไม่รุนแรง

อะไรที่ Gluten ทำกับร่างกายของคุณ?
นอกเหนือจากอาการดังกล่าวข้างต้นแล้ว Gluten อาจสร้างความเสียหายในร่างกาย ทำให้การดูดซึมสารอาหารในลำไส้น้อยลง เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียกระดูกและโรคกระดูกพรุน และการได้ยินบกพร่อง นอกจากนี้ยังทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนังอย่างรุนแรง ที่เรียกว่าโรคผิวหนังอักเสบจากเริม  (Dermatitis Herpetiformis)  และยังมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมองอีกด้วย

จะรู้ได้อย่างไรว่า Gluten เป็นปัญหาสำหรับคุณหรือลูก ๆ ของคุณ หรือไม่
หากคุณสงสัยว่าคุณกำลังได้รับปัญหาจาก Gluten คุณควรพาตัวเอง และลูก ๆ ไปพบแพทย์เพื่อรับการทดสอบ tTGlgA โดยการเจาะเลือด ซึ่งเป็นการทดสอบที่ธรรมดาที่สุด  และเพื่อการยืนยันโรค   Celiac Disease แนะนำให้รับการตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อของลำไส้เล็ก
ถ้าคุณอยู่ในระหว่างการกินอาหารที่ไม่มี Gluten  คุณอาจจะต้องกลับไปรื้อฟื้นกินอาหารที่มี Gluten สักสองสามเดือนก่อนเข้ารับการทดสอบ เพื่อค้นหาว่า Gluten อาจจะเป็นตัวร้ายในปัญหาทางกายภาพของคุณ ควรหยุดกินอาหารที่มี Gluten สักหนึ่งเดือน บางคนจึงได้พบว่าอาหารที่ไม่มี Gluten  หรือ Gluten free ช่วยแก้ปัญหาการย่อยอาหารของพวกเขาได้

References
Emily Main; 6 Need-to-Know Facts About Gluten; Rodale News; accessed May 9, 2015
Celiac Disease Symptoms; Celiac Disease Foundation; accessed May 9, 2015
Diagnosing Celiac Disease; Celiac Disease Foundation; accessed May 9, 2015